PopAds.net - The Best Popunder Adnetwork จับตายูไนเต็ด: 2011

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เกี่ยวกับการเซ็นสัญญา

เนื่องด้วยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพิ่งได้นักเตะอายุน้อยมาใหม่อีกคนนึง ทำให้ผมหวนนึกถึงการเซ็นสัญญาที่ผ่านมาหลายๆครั้งซึ่งมันทำให้ผู้เขียนรู้สึกแตกต่างกันออกไปในแต่ละครั้ง ดังนี้.....

Manucho
มันเป็นใคร????

ช่วงที่ทีมเซ็นมานูโช่เข้ามา เป็นช่วงที่ทีมร้างการเซ็นสัญญาแบบใหญ่โตมานาน และมานูโช่ก็เป็นอีกครั้งที่ ......ไม่ใหญ่โต นั่นเป็นการใส่ฟืนใส่ไฟเข้าไปในประเด็นที่ว่าเกลเซอร์ดูดเงิน แต่ลุงแพนด้าก็ออกมาปกป้องอีกนั่นแหละ

มานูโช่เข้าสู่ทีมแบบเงียบๆ ในช่วงเดือนมกราคม ความสามารถถูกปิดเป็นความลับ เขาร่วมฝึกกับทีมชุดใหญ่อย่างลับๆ... และสุดท้ายเขาก็จากไปอย่างลับๆ -*- ไม่รู้ว่าออกไปเมื่อไร แต่ก็ถือว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่งงๆ อีกครั้ง กับการซื้อแบบขัดตาทัพสุดๆ

 
Berbatov
นี่แหละคำตอบ...

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทีมได้กองหน้าที่แตกต่างออกไปจากกองหน้าที่มีอยู่ คู่หูในแดนหน้าตอนนั้นคือ หมูกับหมู รูนี่กับเตเวซ และตอนนั้นยังมีโรนัลโด้ร่วมรุกด้วย ลุงแพนด้าคงเห็นว่าให้หมูวิ่งไปวิ่งมาในสนาม2ตัว คู่แข่งจับทางได้หมด จึงเรียกตัวเบิร์บที่ฟอร์มร้อนแรงกับสเปอร์ มาร่วมรุกอีกคน นั่นทำให้ทีมเกิดการแข่งขันและในที่สุด!! แมนยู ก็ยังคงใช้หมูกับหมูร่วมรุกเป็นหลักอยู่ดี -*-

การจากไปของเตเวซทำให้เบิร์บ ได้ลงเล่นมากขึ้น แต่แล้ว ลุงแพนด้าก็เลือกที่จะใช้หน้าเป้าเป็นรูนี่คนเดียวโดนมีโรนัลโด้คอยเติม บางทีใช้อิโด้เนี่ยแหละเป็นหน้าเป้า... เบิร์บเศร้า สำรองอีกหละ -*-

อีกครั้ง!! กับการจากไปของโรนัลโด้ เบิร์บ มีหวังทันที ช่วงนั้นเป็นเวลาก่อนบอลโลกเตะ ทีมได้เซ็นสัญญานักเตะชื่อเบาคนนึงเข้ามา เอามาเป็นสำรองของเรากับรูนี่เบิร์บคิดและนั่นทำให้ผมคิดถึงการเซ็นสัญญาของ....


Chicharito
ใครหง่ะ??

ตอนนั้นผู้เขียนไม่รู้จักหมอนี่จริงๆนะ แต่หลังจบบอลโลก คนส่วนใหญ่ในโลกก็ได้รู้จักเขามากขึ้นกับผลงานอันสวยหรู กับเม็กซิโก(แต่ผู้เขียนก็ยังไม่รู้จักอยู่ดีหว่ะ เนื่องด้วยมีเหตุผลบางประการทำให้อดดูบอลโลก T^T)

ใช้หน้ายิงประตู ..นั่นทำให้ผู้เขียนรู้จักชิชาริโต้ แต่ก็ยังมีข้อกังขากับชิชา เพราะ เห็นหน้าทีก็ยิงแล้ว ระหว่างเกมส์ไม่รู้ไปเล่นหมากเก็บแถวไหน

อย่างไรก็ตามทีมยังคงใช้หน้าเป้าเป็นหมูตัวเดียว หรือไม่ก็ให้โอกาสกับชิชาริโต้ พอๆกับเบิร์บอยู่ดี(เฮ้อ~ เบิร์บช่างอาภัพ)


Owen
(อดีตเด็กหงส์)

เนื่องด้วยผู้เขียนเองชื่นชอบโอเว่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ดีใจนะที่ดีโอเว่นมาถึงแม้ว่าเรื่องสภาพร่างกายจะมีเครื่องหมายคำถามติดอยู่เต็มไปหมดก็เหอะ แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่าทีมแพทย์ของทีมต้องดูดีแล้วจริงๆ ไม่งั้นคงไม่เอามาหรอก

การย้ายทีมแบบไร้ค่าตัวครั้งนี้ทำให้เด็กหงส์หลายผู้หลายคนดิ้นกันพราดๆ บ้างก็สาปแช่งสมน้ำหน้าแมนยูที่ซื้อไป ซื้อไปรักษารึไงจ๊ะ?นั่นคือเสียงเย้ยหยัน

ขอให้ประสบความสำเร็จละกันนั่นไงเสียงให้กำลังใจก็มี

ถึงแม้จะไม่ค่อยได้ลงเลย แต่ก็เป็นตัวสำรองที่ดีนะ ไม่เคยบ่นหากไม่ได้ลง พอได้ลงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก ส่วนใหญ่เราจะได้ยลโฉมฝีเท้าของโอเว่นในบอลถ้วยมากกว่า เพราะในศึกพรีเมียร์ลีค มีทั้งหมู ทั้งถั่ว เวลเบ็ค แล้วยังจะมีเบิร์บ(ผู้อาภัพ) อีก แต่ก็นั่นแหละ ช่วงนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกองหน้าล้นๆเลย ถึงแม้ว่าความสามารถจะไม่ค่อยล้นก็เหอะ...




ปล.Andreas Pereira ก็เป็นอีกคนที่ผู้เขียนไม่รู้จัก -*- ยังไงก็ตามเด็กๆอยู่ก็ดูกันยาวๆละคร๊าบบ

วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ปรากฎการณ์ “เบิร์บวิ่ง”

ปรากฎการณ์  “เบิร์บวิ่ง”

เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกนี้หากได้ชมการแข่งขันคาลิ่งคัพ นัดที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดบุกไปเอาชนะอันเดอร์ชอร์ตได้ถึงบ้าน 3-0 คงจะจดจำนัดนั้นได้ขึ้นใจราวกับจำวันเกิดตัวเองได้เลยทีเดียว แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ฟอร์มการเล่นหรือการบุกไปเอาชนะนอกบ้านเลย เพียงแต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า.........เบอร์บาตอฟวิ่ง

การที่เบอร์บาตอฟขยันวิ่งนั้น เปรียบได้กับการค้นพบว่าโลกกลมโดยอริสโตเติลนักวิชาการกล่าว

ผมคิดว่านัดนั้นคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างที่แปดแฟนบอลรายหนึ่งตะโกนแก้ผ้าวิ่งไปรอบๆเมือง

ผมว่ายูเซน โบลท์คงรู้ตัวแล้วว่าเขาเจอกระดูกชิ้นโต” – ผู้เขียนบล็อก (ฮิฮิ)

ครับ ....ผู้เขียนบล็อกจะพยายามเล่าเรื่องราวในวันนั้นให้ฟังก็แล้วกัน แต่ถ้าเป็นไปได้อย่างให้ไปหาชมกันเองอีกทีเพราะ เรื่องมหัศจรรย์แบบนั้นมันเขียนออกมายากนะจ๊ะ

คือว่าหลังจากเฮียเบิร์บร้างราสนามไปเป็นผู้ชมมาหลายต่อหลายนัด เชื่อว่าพลังงานมันคงเกินหน่ะ พอลงไปเล่นได้ไม่กี่นาทีก็ทำประตูโชว์ลุงแพนด้าซะเลย หลังจากนั้นครับ เขา...ก็เริ่มวิ่ง(เรื่องธรรมดาๆถ้าเกิดกับบางคนก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นะตัวเธอ) บอกตรงๆว่าผู้เขียนบล็อกเห็นแล้วตาสว่างกันเลยทีเดียว ทั้งที่ก่อนนั้นง่วงเป็นบ้าเลย จบครึ่งแรกลงไปด้วยความประทับใจครับ


เอาถ้วยมา~
พอเริ่มครึ่งหลังเท่านั้นแหละ เบิร์บก็เริ่มวิ่งน้อยลงๆ ในที่สุดเขาก็ยืนนิ่งๆ(-*-) ไม่วิ่งอีกเลย ...เข้าใจว่าคงเหนื่อยนะ และนี่ก็คงเป็นเหตุผลที่เบิร์บไม่ค่อยวิ่งแต่ผู้เขียนก็เข้าใจนะ เพราะถ้าวิ่งแล้วหลังๆต้องยืนเฉยๆ ....สู้เดินทั้งเกมส์จะดีกว่า  ><

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เด็กหนุ่มไฟร้อนแรง

เขียนถึงนักเตะเกษียณกับนักเตะตัวเก๋าไปแล้ว มาครั้งนี้ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงผู้เล่นอายุน้อยบ้างดีกว่า...

Darron Gibson
อดีตดาวรุ่งพุ่งเบาๆอย่างกิ๊บโบ้ มีจุดเด่นคือลูกยิงไกล ที่เหลือคือ ...จุดด้อย ช่างน่าเศร้านัก
เนื่องด้วยมาจากสาธารณรัฐไอร์แลนด์เหมือนกับหัวโจกอย่างคีโน่(Roy Keane) เพียงแต่กิ๊บโบ้มาจากไอร์แลนด์เหนือ เป็นเรื่องธรรมชาติที่จะถูกเปรียบเทียบกัน ทำให้กิ๊บโบ้ต้องแบกรับชื่อเสียงหนักอึ้ง(พอๆกับอิริค สติฟเลอร์ในอมเริกันพายเลยทีเดียว) โดยส่วนตัวผมว่า มันก็ยิงสวยอยู่หรอกนะ เพียงแต่ สองสามร้อยนัดจะยิงสักที การจ่ายบอลก็ไม่เลวร้ายจ่ายเข้าเท้าคู่ต่อสู้เสมอๆ เฮ้อ.... อยากบอกกิ๊บโบ้ว่า ซํนเดอร์แลนด์สนามสวยนะ


Federico Macheda
ดาวรุ่งที่บันดาลแต้มให้กับแมนยู หลายต่อหลายนัด ในถานะตัวสำรอง รูปร่างสูงยาวเข่าดี แบบนี้แม่ยกชอบเยอะ แต่นั่นไม่เกี่ยวกับฝีเท้า เพราะกิโก้นี่เล่นเต็มเกมส์ทีไรมักจะระเบิดฟอร์มไม่ออกหว่ะ ผู้เขียนเองก็ไม่เข้าใจ ยิ่งตอนนี้พวกเด็กกองหน้าเติบโตกันเต็มไปหมด ทำให้กิโก้
เฮ้อออ อยู่ในตัวเลือกอันดับท้ายๆ เอ๊ะ รึว่าตำนานอาถรรพ์นักเตะอิตาลีกับแมนยูจะมีจริง

Johny Evan
อายุยังน้อยแท้ๆ แต่เข้าบอลโหดร้ายซะเหลือเกิน อาจไม่โฉ่งฉ่างมาก ดีกว่าสโคลส์นิดเดียว(ย้ำว่านิดเดียว) แต่ตัวนี้ห้าวจริงอะไรจริง โดยรวมผู้เขียนว่าก็มีดีพอตัวแต่ต้องหาคู่ที่เก๋าและทางบอลดีจริงๆ จะดูเข้าท่า นี่ก็เป็นอีกคนนึงที่มีหน้าตาเป็นอาวุธทำให้รอดตัวจากการต่อว่าของเด็กผี(สาวๆ)เสมอ เวลายังมีให้พอสูจน์นะตัวนี้เพียงแต่ตอนซ้อมต้องเข้าบอลที่เข่าของฟิล โจนส์ให้เจ็บซะ ตนจะได้ลงแบบไม่มีข้อกังขา หลังจากช่วงนี้โดนวิจารณ์ว่าเป็นลูกรักบ่อยจริงๆ(รึลุงแพนด้าแกชอบแบบนี้ว่ะ) ที่สำคัญคือนักเตะเหมือนจะไม่ดีพอแบบนี้พอย้ายออกไปแล้วระดับโลกทั้งนั้นเลยนะเออ เอาเป็นว่าลุงแพนด้ากับแฟนบอล ก็อดทนกับนายจอห์นหน่อยละกัน จะได้ไม่ต้องเสียใจทีหลังแบบ ปิเก้นะจ๊ะ


Bebe
เอิ่มมม นักเตะรายนี้ หน่วยก้านดีนะ ต่อยกับ ดร็อกบา ท่าจะมัน... ไม่ใช่สิ เบเบ้ มีความเร็ว แข็งแกร่ง(ดูดีมั้ยหล่ะ) ในรุ่นๆเดียวกันแล้วหมอนี่จะดูโดดเด่นในเรื่องความเร็ว 
แต่เรื่องอื่นๆ
เฮ้อออ อีกสักที หลังๆนี้ข่าวคราวเงียบหายไปบ้างแต่ถ้าฝึกงานกลับมาแล้วอาจดูดีขึ้นบ้าง แต่แมนยูเป็นทีมประเภทพึ่งพาปีกเยอะหว่ะ โอกาสเกิดจริงจังคงยากอ่ะนะ



ทั้งสี่หน่อนี้ เป็นนักเตะที่ยังอายุน้อยและแววรุ่งเริ่มหดหายแล้ว ยังไงก็สู้ต่อไปนะจ๊ะ ผู้เขียนเชื่อว่าแฟนผีทั้งโลกเองก็เป็นกำลังใจให้ แต่ถ้าแววมันหมดจริงๆก็ตัวใครตัวมัน ><

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Baby goal Michael Owen

ต่อไปนี้จะเล่าถึง นักฟุตบอลที่มีเอกลักษณ์คือเป็นพวกจมูกไว 
(เหมือนช้าง ไม่ใช่หมา >< )

เบบี้ โกลล์ ชื่อนี้ไม่ได้จับฉลากมาได้นะจ๊ะ....

ไมเคิ่ล โอเว่น โด่งดังอย่างรวดเร็วโดยทำสถิติเป็นนักฟุตบอลที่ติดทีมชาติอังกฤษเร็วที่สุด(ตอนหลังโดนลบสถิตินี้โดยโจ โคล และวัลคอตต์ ตามลำดับ) โด่งดังขึ้นกับทีมฟุตบอลระดับตำนาน!(ตอนนั้นลิเวอร์พูลยังเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีคได้สูงที่สุด 18 สมัย) ในตำแหน่งกองหน้า ช่วงนั้นต้องยอมรับว่า โอเว่นและเฮสกี้ เล่นเข้าแข้ง เข้าขากันเหลือเกินราวกับเป็นแฝดออกจากท้องโคตรพ่อโคตรแม่มาด้วยกัน(หากท่านเพียงได้ชายตามองหน้าทั้งคู่แล้วจะพบว่า..มันไม่จริง!) ร่วมกันยิงกระจาย ได้รับรางวัลดาวซัลโวสูงสุด รวมทั้งโอเว่นยังได้รับรางวัลบัลลงดอร์อีกด้วย ทุกอย่างกำลังไปได้สวยแต่แล้วเฮียหนวดก็เข้ามาพร้อมกับอุดมการณ์ที่ว่า อะฮั้นนิยมหนุ่มๆสเปนฮะ แรงหยั่งกะวัวกระทิง ฮั้นไม่นิยมหนุ่มอังกฤษหรอกฮะ นุ่มนวล ยี้…” นั่นเป็นเหตุผลที่ โอเว่นจำต้องลาจากจร จากฟาร์มม้าที่รัก สู่การสวมชุดเป็นอัศวินสีขาว


ไมเคิ่ล โอเว่น ไม่เคยขาดสัญชาตญาณ หน้ากรอบเขตโทษเขายังเป็นที่หลอนประสาทกองหลังได้เสมอๆ แต่ข้อเสียอย่างรุนแรงคือ เปราะบาง (แค่ลมเพียงแผ่วเบา ยังทำให้ปวดร้าว) ไสตล์ว่ายิงเป็นเข้า เสียบเป็นเจ็บ

แต่อาการเปราะนี้มีที่มาสืบเนื่องจากตอนเล่นทีมชาติอังกฤษรับ ช่วงรุ่งๆนี่แหละ ยิ่งนิ่งๆกำลังจะจ่ายบอลแล้ว ข้อเท้าเจ้ากรรมดันเดปัญหา(ยืนเฉยๆจริงๆนะเออ) เบบี้โกล ก็เริ่มเปราะตั้งแต่นั้น

ล้มเหลว... คือนิยามของการเป็นอัศวินโง่ๆที่ต้องนั่งดูเพื่อนรบข้างๆสนาม หมดสัญญาโอเว่นก็กลับมาเลี้ยงมาต่อที่โรงหยาบาลของนิวคาสเซิ่ล แต่ตลอดช่วงเวลาอันเลวร้ายโอเว่นก็ยังมีประตูเฉลี่ย 2นัด/1ประตู หมดสัญญา!(อีกแล้ว) โอเว่นก็เคว้งคว้างได้ไม่นานเขาก็ก้าวไปสู่.... โรงพยาบาลของแมนยู -*- (ไปตรวจร่างกาย)

โอเว่นเข้ามาสู่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญจากเหล่า เดอะ คอป (ไหนบอกจะไม่มีวันเดินเดียวดายไงฟร่ะ แม่ง แช่งชักหักกระดูกอดีตขวัญใจกันใหญ่)

โอเว่นมาแมนยู แล้วก็คว้าแชมป์ได้ทันทีครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นตัวหลักแต่ก็มีส่วนสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประตูที่ตรึงใจผมที่สุดคือประตูที่ระเบิดคว้าชัยเหนือ แมนซิตี้ได้ ในนาทีที่ 96 (ไม่พ้นโดนคำสรรเสริญจาก เดอะ คอป อีกนั่นแหละ -*-)






วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Paul Scholes อัจฉริยะหัวแดงเพลิง

คนแรกที่ผมอยากจะกล่าวถึงคือ วีรบุรุษในแดนกลางเค้าก็คือ...โดราเอมอน.. ไม่ใช่!!
เค้าคนนั้นคือพอล สโคลส์!! หลายคนอาจจะเดาไม่ถูก 55 (เค้ารู้ตั้งแต่เห็นหัวข้อแล้วเฟร้ยย)

ที่ผมจะขออนุญาตเขียนถึงชายหนุ่ม(น้อย) คนนี้ก่อนใครเพื่อนก็เพราะว่า เค้าเป็นนักฟุตบอลคนแรกที่ผมชื่นชอบอย่างจริงจัง....

มิดฟิลด์แดนกลางคนนี้ ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเต็ด ตั้งแต่ขาไม่งอก(ยังเด็ก ไม่ใช่กบนะ) จากน็อตติ้งแฮมฟอเรสสู่โรงละครแห่งความฝัน ตำแหน่งแรกๆที่เค้าได้รับก็คือ แนวรุก สไตล์ว่ากูรุกแม่งอย่างเดียว กองหน้ากองกลาง จัดมา! เล่นไปสักพักลุงแพนด้าท้าลมร้อนก็ดึงขึ้นมาสู่ชุดใหญ่เต็มตัว หลังจากปล่อยไปยืมตัวมาสักพัก และพอล สโคลส์นี่เอง คือนักเตะในชุด class of 92 และเป็นส่วนหนึ่งที่ลบคำสบประมาทที่ว่า คุณไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆได้ด้วยเด็กๆหรอกกกกใครก็ไม่รู้พูด..ลืม หึหึ

พอล สโคลส์ เล่นได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดเด่นคือ การจ่ายบอลที่นุ่มนวล สวยงาม แม่เจ้า!! และที่ลืมไม่ได้คือ ลูกยิงอันหนักหน่วง... (จะว่าไปสมัยนั้นพวกตีนวัว นี่เยอะนะครับ คาลอส รีเซ่ สมัยนี้ไม่ค่อยพบเจอเท่าไหร่นะ พวกยิงแถวสองวัวๆ)

พูดถึงข้อดีมาก็เยอะ มาดูข้อเสียมั่งดีกว่า จริงๆข้อเสียของ มัจจุราชหัวแดงเพลิง คนนี้มีไม่มากครับ แต่มันเด่นชัดเหลือเกินเลยฟร่ะ -*- ...
มันคือก็คือการเสียบสกัดบอลถึงแข้งถึงขา และถึงแดงเอาได้ง่ายๆ เป็นประจำซะด้วย (เฮ้อ...)
อีกข้อ.. พอล สโคลส์ เป็นคนที่ไม่ชอบเป็นกัปตันทีม แบบว่าขี้เกียจพูด กรูจะเตะบอลลลล
อีกข้อ(สุดท้ายๆ)... สโคลส์ เป็นอินดี้ครับ อินดี้ขนาดเคยเล่นวอลเล่ย์ ในสนามบอลมาแว้ว 55+ อินดี้กว่านานี่แยะ -*- (ในรูปนี่นัดชิงนะ >< )

จนกระทั่งตอนนี้ พอล สโคลส์ เลิกเล่นฟุตบอลไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะทำให้ทีมขาดๆเกินๆไปทันทีอย่างเห็นได้ชัด แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ต้องเดินหน้าล่าฝันกันต่อไป อย่าคิดไปง้อเค้าเชียวครับ เค้าไม่กลับมาเตะอาชีพอีกหรอก สโคลส์ ตัดสินใจแล้วไม่คืนคำครับ เหมือนตอนเลิกทีมชาติ ผู้จัดการทีม ง้อแทบจะลากไปหอมแก้มแล้ว เฮียแกยังไม่กลับไปเลย

ป.ล. สโคลส์ตัดสินใจแขวนสตั้ดตอนที่ทีมคว้าแชมป์ลีคสูงสุดเป็นสมัยที่ 19 ครับ ฮิฮิ(รู้กันนะ จุ๊บๆ)


ขออนุญาต ยิ้มชาบู สโคลส์เป็นเวลา 0.01 วินาทีครับ อูรา อูรา.....



นี่เป็นนัดชิงสุดท้ายของพอล สโคลส์ครับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายแพ้ให้แก่การเล่นที่ไหลลื่นดุจสายน้ำของบาซ่า เมื่อนกหวีดจบเกมส์ดัง เมสซี่, บุสเก็ต, ซาบี เอนานเดส, และ เปโดร พยายามที่จะเข้ามาขอแลกเสื้อกับสโคลส์ แต่ผู้ที่ได้เสื้อนั้นไปครองคือ อันเดส อินเนสต้า กองกลางจอมทัพของบาซ่า.... (ฮาเลลูย่า)

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับ blog

    ก่อนอื่่นต้องบอกว่ายินดีต้อนรับทุกท่านที่กำลังเยี่ยมชม blog แห่งนี้ สถานที่ที่ทุกท่านจะได้พบกับบทวิเคราะห์วิจารณ์(จิกกัดบ้าง อะไรบ้าง) ทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึงฟอร์มของนักเตะแต่ละคน และภาพรวมของทีม
    ผมเองก็คือแฟนผีคนหนึ่งที่อยากจะมีที่ของตัวเองได้เขียนถึงทีมที่รัก และเมื่อทุกท่านหลงเข้ามาอ่านแล้ว ผมต้องแสดงความเสียใจกับทุกท่านด้วยเพราะท่านเพิ่งได้ย้ายตัวเองเข้ามาสู่ 
The Theater of Me โรงละครของผม 
ที่อยากจะให้ทุกท่านได้ลองลิ้มชิมรสกับบทความต่างๆที่กำลังจะมา..... 




                                                                      แต่ท่านจะไม่ได้ออกไป...